- Microsoft Windows Updates จำเป็นต้องดาวโหลดไฟล์ update ต่างๆ มาใส่ใน C: partition เท่านั้น และ microsoft เองก็ไม่แนะนำให้ user ทำการลบไฟล์พวกนั้นทิ้งด้วยหลังจาก install update เสร็จ เนื่องจากไฟล์เหล่านั้นมีตัว uninstaller อยู่ สำหรับกรณีที่ windows updates สร้างปัญหาให้กับระบบวินโดวส์ของเรา เราจะได้ uninstall มันได้
ด้วยเหตุนี้ ในทางทฤษฏี ที่สุดแล้ว C: partition ของ windows ก็จะเต็ม และทำให้ระบบหยุดทำงานลงนั่นเอง ๕๕๕ ดังนั้นคำถามที่ไม่มีคำตอบก็คือ หากเราจะสร้าง 2 partitions คือ C: กับ D: แล้วไซร้ เราควรแบ่งที่ให้ C: เท่าไหร่หละ? ซึ่งมันไม่มีคำตอบครับ โอเคบางคนอาจจะเถียงว่าก็แบ่งให้ C: สัก 100GB สิ.... อือผมก็ว่า ถ้าให้ C: 100GB ยังไงเสียกว่าจะลง windows update จน harddisk เต็มก็อาจจะกินเวลาถึงปีหรือสองปีได้ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น windows ของท่านก็อาจจะถูก virus เล่นงานจนต้องลง windows ใหม่ไปแล้วรอบหรือสองรอบก็เป็นได้ ก็ถ้าคิดเห็นเช่นนั้นก็ตามสะดวกครับ ส่วนตัวผมนั้น มี harddisk ที่จะทิ้งให้ C: ไปดูเล่นได้ไม่ถึง 100GB ก็เลยมีความเห็นว่า ให้ C: ไปทั้ง harddisk เนี่ยแหละครับดีที่สุด ส่วนเรื่อง partition สำหรับ backup นั้นให้ไปดูต่อที่ ข้อ 2. - การ backup ข้อมูลลงอีก partition นึงเช่น D: partition ที่ได้ยินได้ฟังมาว่ามีคนจำนวนมากนิยมทำกันนั้น สำหรับผมแล้ว ย่ิงในยุคนี้ harddisk external มีราคาถูกมากๆ ด้วยนี่ ผมไม่เห็นด้วย เคยได้ยินไหมครับ คำว่า การ backup ที่ดีนั้น เราควร backup ให้ backup files เนี่ยมันถูกเก็บไว้ที่ไหนก็ตามที่อยู่คนละที่กับไอ่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ เราจะ backup มัน กล่าวง่ายๆ ก็คือเราควรเก็บ backup files ไว้นอกเครื่องครับ เช่น external harddisks, computer เครื่องอื่นที่มี harddisk ใหญ่ๆ เป็นต้น (เหตุผลก็เช่น คอมพิวเตอร์อาจระเบิดได้และจะทำให้ file backup ที่ไว้ในเครื่องเดียวกันเนี่ยหายไปด้วย)
- โปรแกรมจำนวนมากในวินโดวส์มีความคาดหวังว่าคอมพิวเตอร์มีเพียง drive c: เพียงไดรว์ฟเดียว เป็นต้นว่า Microsoft SQL Server และ IIS
เมื่อเราทำการติดตั้งโปรแกรมทั้ง ๒ นี้ database data files, log files, และ IIS log files by default จะไปออกันอยู่ใน c: ซึ่งมักเป็นสาเหตุอันดับต้นๆที่ทำให้ server down หาก database และ website ต่างๆถูก setup ด้วยค่า defaults
Blogged with the Flock Browser
0 comments:
Post a Comment